“เพนกวิน” จัดอยู่ในประเภทของสัตว์กระดูสันหลังที่มีปีก แต่ว่าไม่สามารถบินได้เหมือนนกทั่วๆไปแต่ก็เป็นหนึ่งในนกไม่กี่ชนิดที่สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้คล่องแคล่ว รวดเร็ว โดยจะอาศัยอยู่แถบบริเวณขั้วโลกใต้ อาหารหลักของเหล่าเพนกวินนั้นจะเป็นพวกปลา เช่น ปลาแอนตาร์กติกซิลเวอร์ฟิช รวมทั้งพวกสัตว์น้ำอย่างปู กุ้ง กั้ง และปลาหมึกอะไรพวกนี้ด้วย แม้ว่าที่เราเคยเห็นกันว่าเจ้าเพนกวินจะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน หากมันก็ไม่ได้เหมือนกันไปทั้งหมด จริง ๆ แล้วสามารถแบ่งออกเป็น 17 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ เพนกวินจักรพรรดิ (Emperor penguin),คิงเพนกวิน (King penguin), อะเดเลียเพนกวิน (Adelie penguin), ชินสแตรปเพนกวิน (Chinstrap penguin), เจนทูเพนกวิน (Gentoo penguin), ร็อคฮอปเปอร์เพนกวิน (Rockhopper penguin), อีเรคเคร็ซทเพนกวิน (Erected-crest penguin), แมคะโรนิเพนกวิน (Macaroni penguin), ฟยอร์ดแลนด์เพนกวิน (Fiordland penguin), สแนร์เพนกวิน (Snares penguin), รอยัลเพนกวิน (Royal penguin), เพนกวินตาเหลือง (Yellow-eyed penguin), แอฟริกันเพนกวิน (African penguin), กาลาปากอสเพนกวิน (Galapagos penguin), ฮัมโบลด์เพนกวิน (Humboldt penguin) , แมกเจลแลนเพนกวิน (Magellanic penguin) และลิทเติ้ลบลูเพนกวิน (Little Blue penguin)
- สาเหตุที่ทำให้เพนกวินบินไม่ได้ มาจากการที่มีโมเลกุลกระดูกที่หนาแน่นต่างจากนกสายพันธุ์อื่นๆ
- ปีกของเพนกวินไม่ได้เอาไว้บิน แต่เอาไว้ช่วยในการว่ายน้ำมีหน้าที่คล้ายกับครีบปลา
- “ลิทเติ้ลบลู” เป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดตัวเล็กมากที่สุดในโลก ด้วยความสูง 35-43 เซนติเมตร และน้ำหนักที่ไม่เกิน 1 กิโลกรัม
- ขนสีขาวและดำบนตัวของเจ้าเพนกวินทั้งหลาย สามารถช่วยให้มันพรางตัวจากศัตรูได้อย่างดี
- เพนกวินจักรพรรดิถือว่าเป็นเพนกวินที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ที่ยังมีชีวิตอยู่) มีความสูง121 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 39 กิโลกรัม
- ในช่วงปี 60 ได้มีการค้นพบกระดูกเพนกวินยักษ์โบราณ สายพันธุ์ปาเลโอซีน ที่นิวซีแลนด์ ที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมันมีความสูง177 เซนติเมตร หนัก 101 กิโลกรัม
- ชีวิตของเพนกวินจะอาศัยในน้ำคิดเป็นร้อยละ 75
- แม้เพนกวินไม่สามารถหายใจในน้ำได้ แต่มันสามารถกลั้นหายใจในน้ำได้นานมาก ๆ (เพนกวินจักรพรรดิ กลั้นหายในได้ 20 นาที)
- ด้วยลักษณะเท้าที่คล้ายตีนเป็ดทำให้เดินบนบกได้ช้า เวลาต้องการความเร็วพวกมันมักจะใช้วิธีไถลตัวไปตามทางลาดชันหรือพื้นที่ลื่นเป็นน้ำแข็งมากกว่าเดิน
- ชั้นไขมันของเพนกวินไม่เพียงช่วยในการรักษาอุณหภูมิหรือกักเก็บความร้อนเท่านั้น ในช่วงเวลาขาดแคลนอาหารชั้นไขมันก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอาหารได้อีกด้วย
เพนกวินออกลูกเป็นไข่ โดยมักจะมีช่วงผสมพันธุ์กันในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อออกลูกมาแล้วตัวเมียจะมีหน้าที่ออกไปหาอาหาร ส่วนตัวผู้จะมีหน้าที่กกไข่ เพนกวินแรกเกิดจะมีขนสีเทาและเมื่อโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงจะทำการผลัดขนเป็นสีขาวและดำ โดยปกติแล้วเพนกวินตามธรรมชาติจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 15–20 ปี มากสุด 30 ปี แต่ล่าสุดก็จะมีเพนกวินในสวนสัตว์โอเดนเซ ประเทศเดนมาร์ก ที่มีอายุยืนได้มากถึง 41 ปี (ปี 2020)